โดย MoneyGuru, ในหมวดหมู่ "ประกันรถยนต์,ไลฟ์สไตล์"
April 18, 2017
หลายคนอาจไม่ทราบนะครับว่า อันที่จริงแล้ว การ เช็กรถยนต์ หลังการใช้งานอย่างหนัก เช่น หลังการเดินทางติดต่อกันมากกว่า 4-5 ชั่วโมงหลายๆ วัน มีความสำคัญมากพอๆ กับการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเดินทาง ลองคิดดูสิครับ รถของคุณเจอกับการใช้งานหนักๆ มา อาจมีอะไรที่เสื่อมหรือสึกหรอไปบ้าง การตรวจเช็กสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
ห้องเครื่องและส่วนต่างๆ ของรถอาจสกปรกสุดๆ จากทั้งน้ำฝนและฝุ่นละอองระหว่างเดินทาง การนำรถเข้าร้านล้างอัดฉีดจะช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดกับรถได้ง่ายขึ้น
ขณะที่คุณตรวจเช็กส่วนนี้ ถ้าไส้กรองของคุณสกปรกมากจนเป็นสีดำ แสดงว่าต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ เพราะไส้กรองอากาศที่สกปรกจะทำให้รถกินน้ำมัน เนื่องจากจะมีอากาศเข้าไปช่วยเผาไหม้ในรถได้น้อยลง แต่ถ้าไส้กรองเป็นสีเทาๆ ให้เอาแปรงมาปัดๆ ก็ใช้ต่อได้แล้วครับ
ต้องเช็กน้ำมันเครื่อง ถึงแม้จะเพิ่งเปลี่ยนก่อนเดินทางไปหยก ๆ ก็ตาม โดยคุณต้องตรวจเช็กดังต่อไปนี้
ควรจะลดลงไปเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับสังเกตเห็นได้ง่ายว่าลดฮวบลงไป คล้ายๆ การดูน้ำมันเครื่อง สภาพน้ำควรมีสีใสๆ แต่ต้องตรวจสอบตอนรถเย็นตัวลงแล้วนะครับ เพราะหม้อน้ำอาจร้อนมากและน้ำมันหล่อเย็นอาจกระเด็นใส่คุณได้
ลมยางของรถคุณอาจหายไป 2-4 ปอนด์ ถือว่าเป็นปกติ แต่หากลมยางของล้อใดล้อหนึ่งลดลงไปมากกว่าล้ออื่นๆ แสดงว่าอาจมีอะไรเจาะเข้าไป ทำให้ลมรั่วออกมาเรื่อยๆ ควรเข้าอู่ด่วนเลยครับ
ข้อนี้อาจตรวจสอบด้วยตัวเองยาก อาจต้องเอาไปที่อู่เพื่อตรวจเช็ก ซึ่งก็คือพวกสายพาน ระบบเบรค ยางกันฝุ่น ลูกหมาก เป็นต้น เพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างยังทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการเช็กรถยนต์หลังการใช้งานอย่างหนักก็คือ คุณไม่ต้องตรวจเช็กทุกอย่างภายในวันเดียวทั้งหมด แต่สามารถทำได้เรื่อยๆ ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์หลังการเดินทาง เพราะบางอย่างอาจต้องใช้เวลาก่อนเกิดอาการ นอกจากนี้ การตรวจเช็กสภาพรถยนต์หลังเดินทาง ยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณต้องเสียเงินจำนวนมากจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรถยนต์แล้วลุกลามไปเป็นปัญหาใหญ่ เพราะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
หากหลังจากการเดินทางแล้ว คุณพบว่ารถมีรอยครูดหรือรอยขีดข่วน ประกันรถยนต์จะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมให้คุณได้นะครับ เปรียบเทียบประกันรถยนต์จากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศไทยได้ที่ MoneyGuru.co.th ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก freedloverthailand.com, matichon.co.th