โดย MoneyGuru.co.th, ในหมวดหมู่ "ไลฟ์สไตล์"
November 24, 2020
สำหรับโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ที่เวลานี้เหล่าร้านค้าชุมชนต่างๆ รวมถึงหาบเร่ แผงลอยที่เข้าร่วมโครงการ มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินกระจายสู่ประชาชนทั่วประเทศ จนทำให้เกิด โครงการคนละครึ่งเฟส 2 ที่กำลังจะตามมาในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นในวันนี้เราไป เช็คสิทธิที่ต้องรู้สำหรับ โครงการคนละครึ่งเฟส 2 อะไรเพิ่มบ้างไปดู
อัพเดทความคืบหน้าสำหรับมาตรการ โครงการคนละครึ่ง โดยในเวลานี้ทางด้านกระทรวงการคลัง ภายใต้การนำของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้กล่าวขอสรุปสำหรับโครงการ คนละครึ่งเฟส 2 แบบคร่าวๆดังต่อไปนี้…
ทั้งนี้ นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุยอดการใช้จ่ายภายใต้โครงการคนละครึ่ง เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2563 มูลค่าการใช้จ่ายรวม 23,023 ล้านบาท การใช้จ่ายรวมดังกล่าวเป็นส่วนของประชาชนใช้จ่ายเองกว่า 11,747 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51 และรัฐสมทบกว่า 11,275 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49 ส่วนร้านค้าลงทะเบียนแล้วกว่า 782,000 ร้านค้า
สำหรับท่านผู้ที่ลงทะเบียนโครงการ คนละครึ่ง ไม่ทันในเฟส แรก วันนี้ท่านสามารถสมัครและมีแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง ไว้ล่วงหน้าก่อนได้เลย โดยท่านที่สนใจวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีสมัครใช้งานให้ท่านผู้อ่านเข้าใจง่ายๆดังต่อไปนี้
เริ่มแรกโหลดแอปพลิเคชัน เป๋าตัง – Paotang ได้ที่ระบบ Android และ App Store จากนั้นติดตั้งลงเครื่อง
เมื่อเข้าแอปพลิเคชัน เป๋าตัง – Paotang ให้ทันกดที่ ถันไป
เข้าสู่ระบบโดยให้ท่าน กรอกเบอร์โทรศัพท์ของท่าน
หลังจาก กรอกเบอร์โทรศัพท์ของท่าน แล้ว กดปุ่มขอรหัส OTP จากนั้นนำรหัส OTP ที่จะส่งมาทาง SMS เพื่อเข้าระบบ
อ่านรายละเอียดเงื่อนไขขอตกลง เมื่ออ่านครบแล้วให้ติ๊กยอมรับจากนั้น กดตกลง
หลังจากตกลงเงื่อนไขแล้วให้ท่านตั้งค่า PIN หรือ รหัสเข้าแอปพลิเคชัน เป๋าตัง – Paotang โดย รหัสจะมีทั้งหมด 6 หลัก โดยต้องจำรหัส 6 หลักนี้ให้ได้เพราะคุณจะต้องใช้ทุกครั้งที่เข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน เป๋าตัง – Paotang
ในหน้านี้ให้ท่านกด ตกลง
เมื่อเข้ามาที่หน้าเมนูหลักของ แอปพลิเคชัน เป๋าตัง – Paotang แล้ว สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีบัญชีธนาคารกรุงไทย ให้ท่านไปกดที่ G-Wallet
กดเข้าใช้งาน G-Wallet
อ่านรายละเอียดเงื่อนไขขอตกลง เมื่ออ่านครบแล้วจากนั้น กดยอมรับ
ทำการเลือกไปที่บัตรประชาชน
กดเริ่มถ่ายบัตร
ทำการสแกนบัตรประชาชนของท่านโดยวางบัตรในกรอบสีขาวให้เห็นตัวอักษรของบัตรที่ชัดเจนดังรูปภาพตัวอย่าง เมื่อทำตามขั้นตอนระบบจะเข้าให้อัตโนมัติ
กรอกข้อมูลบัตรประชาชนของท่านให้ครบแล้วกดตกลง
จากนั้นทำการยืนยันเบอร์โทรศัพท์ โดยการกดที่ ปุ่มยืนยัน
กรอกรหัส SMS ที่ส่งมาให้ในช่องข้อความของโทรศัพท์ท่าน
เตรียมตัวสแกนใบหน้าเมื่อสแกนใบหน้าเสร็จก็เป็นทัน ยืนยันตัวตนสำเร็จ…!!
กรณีที่ท่านลงทะเบียนไม่ผ่าน
สำหรับบัญชี G-Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าสตางค์ออนไลน์ที่ใช้จ่ายเงินของภาครัฐโดยเฉพาะ ที่ฟังก์ชันนี้คุณสามารถเชื่อมต่อบัญชีชิมช้อปใช้ของคุณ โดยสามารถใช้สิทธิ 1,000 บาทหรือรับเงินคืน 15% เมื่อซื้อของที่ร้านถุงเงิน
กรณีที่ท่านมีบัญชีธนาคารกรุงไทยหรือมีบัญชี Krungthai NEXTสามารถกดไปที่ บัญชีกรุงไทยได้เลย
เลือกบัญชีที่ท่านมีจากนั้นใส่ชื่อและรหัสผ่านเป็นอันเสร็จสิ้นแล้วทำตามขั้นตอนเหมือนด้านบนได้เลย
ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชั่นได้ หรือยืยันตัวตนไม่ผ่าน สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตน โครงการ “คนละครึ่ง” ไม่ผ่านทำเองได้ที่ “ตู้ ATM สีเทา” รุ่นใหม่ของธนาคาร โดยไม่ต้องไปที่สาขา โดยทำตามวิธีต่อไปนี้
ไปที่ตู้กดเงิน ATM กรุงไทยดูที่ตู้สีเทา ที่สามารถใช้ยืนยันตัวตนได้ จากนั้นเปิดแอพ Google Map พิมพ์ ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน จากนั้นนำบัตรประชาชนไปทำการยืนยันตัวตนผ่านตู้ ATM กรุงไทย จากนั้นทำตามนี้
ทำการเปิดแอปพลิเคชัน เป๋าตัง จากนั้นเลือกเมนู G-Wallet แล้วคลิกที่ เติมเงินเข้า G-Wallet ดังรูปภาพด้านบน
หลังจากท่านกดเข้ามาล้วให้ท่านทำการ เลือกธนาคารที่ท่านต้องการเติมเงิน ตามรูปด้านบน
โดยขั้นต่อไปนี้ทุกธนาคารที่ท่านเลือกจะขึ้นเมนูการเติมเงินให้เลือก โดยในตัวอย่างทำการเลือกแบบ เติมผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ธนาคารกสิกรไทย
หลังจากท่าน เลือกธนาคารเสร็จแล้วในหน้านี้ จะเป็นขั้นตอนสำหรับใส่รหัส G-Wallet ID 15 หลัก โดยท่านคลิกเลือกอันแรกที่ด้านบนสุดของแอปพลิเคชันของธนาคาร จากนั้นจะมีรหัส G-Wallet ID 15 หลัก ขึ้นมาให้กดคัดลอกตามตัวอย่างด้านบน
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อท่านผู้อ่านทำกดคัดลอกรหัส G-Wallet ID จากขั้นตอนที่ผ่านมา ให้เปิดแอปพลิเคชันที่ต้องการเติมเงิน ไปที่เมนูเติมเงิน จากนั้นเลือก E-Wallet หรือบางธนาคารใช้ชื่อเมนูว่า PromtPay e-Wallet จากนั้นท่านแค่นำรหัส G-Wallet ID ที่คัดลอกไว้แล้วไปวางในช่อง E-Wallet ID และใส่จำนวนเงินที่ต้องการเติม และคลิกเติมเงินตามปกติเป็นอันเสร็นสิ้น
ขั้นตอนนี้จะเหมือนกับขั้นตอน เติมเงินผ่าน Mobile Banking เพียงแค่ทา่นผู้อ่านเลือกธนาคารที่ต้องการเติมเงินจากนั้นไปกดเลือกที่ช่องทาง QR พร้อมเพย์ ดังรูปภาพตัวอย่าง
จากนั้นท่านผู้อ่านก็แค่ทำการกดบันทึกรูป QR พร้อมเพย์ ลงในโทรศัพท์มือถือของท่าน
จากนั้นให้ท่านไปเปิดแอปพลิเคชันธนาคารที่ท่านต้องการจะำเงินเพื่อมาเติมเงิน E-Wallet โดยไปที่เมนู สแกน ดังรูป
ขั้นตอนสุดท้าย นี้ให้ท่านทำการคลิกกดที่รูปภาพ จากนั้นทำการเลือก QR พร้อมเพย์ ที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ แล้วใส่จำนวนเงินที่ต้องการจะเติมเป็นันเสร็จสิ้น
สำหรับการเติมเงินผ่านตู้ ATM ของแต่ละธนาคารผ่าน 7 ธนาคารได้แก่ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารธนชาต, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารกรุงเทพ โดยแต่ละธนาคารจะไม่เหมือนกัน โดยท่านผู้อ่านดูวิธีารเติมเงินผ่านตู้ ATM ของแต่ละธนาคารได้ดังนี้
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย (หน้าจอใหม่)
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย (หน้าจอเก่า)
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารกสิกรไทย
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารกรุงเทพ
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารธนชาต
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารไทยพาณิชย์
เติมเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารทหารไทย
โดยทั้ง 3 วิธีที่กล่าวไปนี้เมื่อท่านผู้อ่านเติมเงินเข้าแอปฯ เป๋าตัง แล้ว ท่านสามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้ากับทางร้านที่เข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 ระหว่างเวลา 06.00-23.00 น. โดยผู้ได้รับสิทธิจะต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีกต่อไป สุดท้ายนี้ ยังมีเงื่อนไขสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนร่วมโครงการคนละครึ่งที่ต้องระวัง คือ ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใดๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการอื่นๆ ของรัฐ หากผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ อาจจะต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่รัฐภายใน 7 วัน
พิเศษสำหรับท่านไหนที่ยังไม่มีบัตรกดเงินสด สามารถเข้ามาดูบัตรกดเงินสดที่เหมาะกับคุณได้ที่นี่ เพราะ MoneyGuru ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์ทางการเงินไว้ให้พร้อมสรรพ นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และประกันรถยนต์ดีๆ มาเปรียบเทียบเพื่อให้ได้คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
สุดท้ายนี้ก่อนจากกันตลอดเดือนพฤศจิกายน 63 MoneyGuru พร้อมช่วยคุณประหยัดจัดโปร Shocking Sale 11.11 ลดร้อนแรงเพียงแค่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 พร้อมรับส่วนลดเบี้ยประกันทันที 11% เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับช่วยเหลือประชาชนสำหรับการจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ ในราคาพิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในเวลานี้…!! เนื่องจากในทุกวันนี้ การใช้รถใช้ถนนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา ดังนั้นนอกจากผู้ใช้รถทุกคนต้องไม่ประมาทและควรระมัดระวังในการขับขี่แล้ว การทำประกันภัยรถนั้นก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ท่านเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น
ไม่พลาดทุกเรื่องราวข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @MoneyGuruThailand
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ