โดย MoneyGuru.co.th, ในหมวดหมู่ "บัตรเครดิต,เคล็ดลับการเงิน"
December 24, 2020
ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ควรมีในปี 2021 เรื่องเงินทองต้องวางแผน จะเข้าสู่ทศวรรษใหม่แล้วก็ต้องแพลนชีวิตให้มั่งคั่ง มั่นคงและยั่งยืนกันหน่อย บทความนี้เลยจะพามาทำความรู้จัก ผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ที่น่าสนใจและควรมีไว้สำหรับปีหน้าฟ้าใหม่ ทศวรรษใหม่นี้ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ควรมีในปี 2021
ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ควรมีในปี 2021
อ่านเพิ่มเติม : วางแผนการเงินช่วงปลายปี เพื่อชีวิตที่ดีในปีหน้า
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์/ฝากประจำ
เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินพื้นฐานที่ทุกคนควรมีเลยก็ว่าได้ การที่เรานำเงินไปฝากไว้ที่ธนาคาร จากนั้นธนาคารก็จะนำเงินของเราไปหมุนเวียนลงทุนให้เรา และแบ่งปันผลให้เราเป็นรูปแบบของดอกเบี้ยประจำปี โดยการฝากออพทรัพย์จะมีสภาพคล่องมากกว่าฝากประจำ เนื่องจากฝากประจำจะถอนเงินออกมาได้ก็ต่อเมื่อครบกำหนดการฝากเท่านั้น
ถ้าดูในแง่ของผลตอบแทนที่เราจะได้นอกจากการออมเงินแล้ส การฝากออมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยประจำปี 0.25-0.50% ปัจจุบันมีการเปิดบัญชีออมทรัพย์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ให้อัตราดอกเบี้ย 1.5% และยังสามารถฝาก-ถอนเงินได้ตลอดเวลาอีกด้วย ส่วนการฝากประจำจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของการฝาก (3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน) สูงสุด 1.7-2.0% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่กำหนดไว้ โดยผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทนี้มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ
กรมธรรม์ประกันชีวิต
เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเรื่องการออมทรัพย์และการคุ้มครองในเวลาเดียวกัน ผลตอบแทนของกรมธรรม์ประกันชีวิตมักกำหนดไว้คงที่ที่ 5-6 % ต่อปี จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง หรือผู้ที่เก็บเงินไม่ค่อยได้ เนื่องจากการเก็บออมโดยการทำประกันชีวิตเป็นวิธีเก็บเงินที่เป็นระบบระเบียบมากที่สุดวิธีหนึ่ง ผู้ลงทุนต้องเจียดเงินมาเก็บทุกปีเป็นเวลายาวนานถึง 20 ปี หรือจนครบอายุสัญญา และเนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนรู้จักเก็บออมเงิน เพื่อจะได้ดูแลรับผิดชอบตนเองเมื่อตอนแก่ จึงสนับสนุนให้ลดหย่อนภาษีได้ถึงปีละ 100,000 บาท ดอกผลที่เกิดจากการทำประกันชีวิตทุกบาททุกสตางค์ไม่ต้องเสียภาษี และยังมีกฎหมายคุ้มครองพิเศษ ให้เงินสินไหมประกันชีวิตเป็นเงินปลอดหนี้สิน เจ้าหนี้ไม่สามารถยึดได้เกินกว่าเบี้ยประกันที่ได้จ่ายไปซึ่งจะแตกต่างจากสินทรัพย์อื่นๆ ที่จะถูกยึดจากเจ้าหนี้ได้ เมื่อผู้ลงทุนเสียชีวิตไป
ตราสารหนี้/หุ้นกู้/พันธบัตร
ผู้ที่ลงทุนจะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ที่ออกตราสารนี้ออกมาจะมีสถานะเป็นลูกหนี้ หลักการง่ายๆ ก็คือ เป็นการกู้เงินจากนักลงทุนไปใช้และจำให้ดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนแก่นักลงทุน ในส่วนของสภาพคล่องจะอยู่ที่หลังจาก 2 วัน นับจากวันที่ทำรายการขายคืนหน่วยลงทุน ผลตอบแทนค่อนข้างดี เฉลี่ยปีละ 2-5% ระดับของความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับอายุเฉลี่ยของตราสาร ความน่าเชื่อถือของผู้ที่ออกตราสาร และการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร
หุ้น/กองทุนหุ้น
เป็นการระดมทุนเพื่อไปใช้ในกิจการที่เราลงทุน โดยผู้ลงทุนหุ้นจะมีฐานะเป็นหุ้นส่วนของกิจการนั้นด้วย มีส่วนได้ส่วนเสียหรือมีสิทธิในทรัพย์สินและกำไรของกิจการ และได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล กรณีลงทุนในหุ้นสังหาริมทรัพย์รายตัวจะขึ้นอยู่กับกิจการนั้นๆ กรณีที่ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จะใช้ระยะเวลา 2-4 วัน นับจากวันที่ทำรายการขายคืนหน่วยลงทุน สำหรับผลตอบแทนเฉลี่ย 8-15% ต่อปี (รวมเงินปันผลแล้ว ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่ายด้วย 10%) ในเรื่องของความเสี่ยง การลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษามาอย่างดี กรณีการเลือกใช้กองทุนรวมหุ้นเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่มีเวลาศึกษาธุรกิจไม่มากนัก (แต่ก็ต้องศึกษาอยู่ดีนะ เพื่อเข้าใจกิจการที่เราจะลงทุนในกองทุนหุ้นนั้นๆ)
บัตรเครดิต
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารกระแสเงินสดเพื่อความสะดวกในการซื้อสินค้าและบริการ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องพกเงินเยอะๆ ไปจ่ายเป็นก้อนเดียว แต่สามารถจ่ายทีหลัง หรือทยอยจ่ายได้ ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว เราจึงสามารถนำเงินไปบริหารจัดการเรื่องอื่นๆ ได้ แล้วสามารถทยอยจ่ายได้ในอนาคต แต่สำคัญว่า เราต้องมีเงินเพียงพอที่จะซื้อสินค้านั้นแล้วเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีเงินจ่ายคืนชัวร์ๆ ไม่โดนชาร์จดอกเบี้ยสูงๆ (เฉลี่ย 20% ต่อปี) นอกจากนั้น ก็มีไว้เพื่อใช้สิทธิพิเศษ หรือโปรโมชั่นลดราคา หรือสะสมคะแนนในการใช้จ่ายต่างๆ อีกด้วย
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) สำหรับราชการ
เป็นเครื่องมือในการลงทุนอัตโนมัติจากบริษัทที่ทำงาน คาดหวังผลลัพธ์เช่นเดียวกับการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป และได้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีด้วย แต่ถ้าบริษัทไหนไม่มีส่วนนี้ให้ก็คงต้องไปหาซื้อกองทุนรวมกันเองต่างหาก
ที่มา : Blockdit
ทั้งหมดนี้ก็เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ควรมีในปี 2021 สำคัญๆ ที่จะช่วยให้คุณมีเงินเก็บออม มีความมั่นคงในชีวิตทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
ถ้าถามว่าเลือกบัตรเครดิตแบบไหนดี ก็ต้องตอบว่าเลือกบัตรเครดิตให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ให้มากที่สุด จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เนื่องจากแต่ละธนาคารก็ออกบัตรครดิตออกมามากมายหลายประเภทให้เลือกใช้กันอยู่แล้ว ดังนั้นก่อนที่จะทำบัตรเครดิตสักใบ MoneyGuru อยากให้ทุกคนเปรียบเทียบบัตรเครดิตให้แน่ใจก่อน เพื่อที่จะได้ตัดสินใจทำบัตรเครดิตที่ใช่กับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด
ใครที่ยังไม่มีบัตรเครดิต MoneyGuru ขอแนะนำให้ท่านมีไว้สักใบ แต่ก่อนตัดสินใจเลือกใบไหนควรเข้ามาเปรียบเทียบบัตรเครดิตเพื่อค้นหาบัตรเครดิตที่ใช่สำหรับคุณ โดยสามารถค้นหาได้ที่นี่เลย