ทำไมถึงต้องต่อประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้า วันนี้เราจะมาแนะนำและอธิบายถึงสาเหตุที่เราต้องต่อ ประกันภัยรถยนต์ ล่วงหน้า มันมีดีอย่างไรบ้าง…
บทความแนะนำ
ทำไมถึงต้องต่อประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้า
หลายๆท่านคงตั้งคำถามว่าจะรีบต่อประกันไปทำไมเดี๋ยวใกล้ๆหมดค่อยต่อก็ได้ หรือ เหลืออีกตั้ง 1 เดือนจะรีบต่อไปทำไม หลายๆคนมักจะคิดกันแบบนี้ใช่ไหมละครับ พอเอาเข้าจริงๆเราก็มักจะลืมไปแล้วว่า ประกันภัยรถยนต์ ของเรานั้นใกล้จะหมดแล้วจนในที่สุดเราก็ลืมต่อประกัน ทำให้เราไม่ได้รับการคุ้มครองอีกต่อไปถ้าหากเราดันประสบอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุเฉี่ยวชนขึ้นมา เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเรามาดูกันดีกว่าว่า ทำไมถึงต้องต่อประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้า ดังนี้…
ได้รับคุ้มครองรถยนต์อย่างต่อเนื่อง
- เมื่อประกันรถยนต์ของเราสิ้นสุดลงในปีเก่า ทำให้เราได้รับคุ้มครองทันที ไม่ต้องกังวลในการขับขี่หรือต้องมานั่งกังวลว่าเราต่อประกันไปแล้วหรือยัง
ทำให้ท่านมีเวลาตัดสินใจในการเลือกษริษัทประกันภัยรถยนต์
- เมื่อเราวางแผนที่จะต่อประกันล่วงหน้า ทำให้เรามีเวลาในการคิดและพิจารณาเลือกหาบริษัทประกันที่เราต้องการ หรือ มีเวลาในการคิดว่า เราจะต่อประกันกับบริษัทเดิมดีหรือไม่ เบี้ยประกันที่ไหนคุ้มค่ากว่ากัน
สามารถวางแผนการใช้เงินในอนาคตของเราได้
- เชื่อว่าทุกๆคนมักจะต้องคำนวนเม็ดเงินที่เราต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกันทุกคน การที่เราทำ ประกันภัยรถยนต์ ล่วงหน้าทำให้เราคำนวนการใช้จ่ายของเราไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา หากเราไม่ได้วางแผนการทำประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้าไว้นั้น เมื่อถึงเวลาต่อประกัน เราอาจจะไม่มีเงินพอหรือกระทบกระเทือนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเราได้
เห็นหรือยังว่าการทำ ประกันภัยรถยนต์ ล่วงหน้านั้น มีข้อดีมากมาย อีกทั้งยังทำให้เราสามารถวางแผนทางการเงินของเรา และยังสามารถทำให้เราขับขี่ได้อย่างสบายใจไร้กังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดการเฉี่ยวชนใดๆ และยังทำให้เรามีเวลาเลือกหาประกันที่ให้ผลตอบแทนของเราได้อย่างตรงตามที่เราต้องการได้ครับ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมทำประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้าก่อนที่ประกันในปีเก่าของเราจะหมดด้วยนั้นเอง
สำหรับคนที่กำลังวางแผนอยากซื้อรถใหม่สักคัน เรามีเทคนิคดีๆ ที่ทำให้คุณยังมีเงินเหลือใช้เหลือเก็บ มาฝากกัน
การจะซื้อรถแน่นอนว่าถ้าซื้อเงินสดคงจะไม่มีปัญหาอะไรต้องคิดให้ปวดหัว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แบบนั้นจึงต้องพึ่งพาการกู้เงินเพื่อซื้อรถ และนี่เองทำให้เรื่องรายได้เป็นส่วนที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก
- คุณต้องรู้ว่าคุณมีรายได้ที่แน่นอนต่อเดือนเท่าไหร่ หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เท่าไหร่ เพื่อที่คุณจะได้รู้แน่ชัดว่าในแต่ละเดือนคุณมีเงินเหลือเอาไว้สำหรับผ่อนรถเท่าไหร่ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่กล่าวมา ต้องรวมหมดทุกค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น:
- ค่าผ่อน-เช่าบ้าน
- ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ
- ค่าผ่อนบัตรเครดิต
- ค่ากินอยู่ประจำวัน ฯลฯ
- ค่างวดต้องไม่เกิน 2 ใน 3 ของเงินเหลือ เพราะโดยทั่วไป การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ของไฟแนนซ์ ค่างวดในแต่ละเดือนจะต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งของรายได้ จึงจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติ แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการจะมีเงินเหลือใช้เหลือเก็บหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่ทำให้คุณมีเงินเก็บแน่นอน คุณต้องตั้งต้นที่เงินเหลือใช้ต่อเดือนที่หักค่าใช้จ่ายจำเป็นต่าง ๆ แล้วต่างหาก โดยค่างวดรถต้องไม่เกิน 2 ใน 3 ของเงินจำนวนนี้ (อีก 1 ส่วนที่เหลือเอาไว้เพื่อเป็นเงินเก็บนั่นเอง)
- เมื่อคุณรู้แล้วว่ามีเงินเอาไว้เป็นค่างวดผ่อนรถต่อเดือนเท่าไหร่ ก็จะช่วยทำให้คุณรู้ด้วยว่ารถยนต์ยี่ห้อและรุ่นใดที่คุณสามารถจะซื้อได้บ้าง ซึ่งถือเป็นหลักเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการกำหนดรถยนต์ที่คุณจะซื้อเลยทีเดียว เพราะถ้าคุณเลือกซื้อรถยนต์หรูหราราคาแพง คุณอาจจะไม่มีเงินส่งค่างวด และทำให้มีปัญหาการเงินตามมาได้ เพราะการมีรถยนต์นั้นนอกจากค่างวดยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมาอีกเพียบ หากเลือกซื้อรถค่างวดที่ค่อนข้างสูงแล้ว สิ่งอื่น ๆ ที่ตามมาก็จะแพงตามไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- ค่า ประกันภัยรถยนต์
- ค่าซ่อมบำรุง
- ค่าภาษี
- ค่าน้ำมัน ฯลฯ
- นอกจากจะรู้จำนวนเงินค่างวดและระดับราคาของรถยนต์แล้ว ประเภทของรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเลือกด้วย เพราะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการประหยัดเงินนั่นเอง หากคุณเป็นพนักงานออฟฟิศที่ขับรถในเมืองเป็นส่วนใหญ่ เลือกใช้รถยนต์ขนาดซับคอมแพคก็เพียงพอแล้ว ซึ่งนอกจากราคาจะไม่แพงมากแล้ว การใช้พลังงานของเครื่องยนต์ก็จะน้อยกว่าด้วย และที่สำคัญสามารถใช้พลังงานทางเลือกที่มีราคาถูกกว่าอย่างเช่น E20 หรือ E85 ได้ ช่วยให้ประหยัดเงินค่าน้ำมันต่อเดือนไปได้เยอะมากเลยทีเดียว ทำให้คุณมีเงินเหลือเป็นเงินเก็บหรือเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย
- หลังจากลองประเมินรายจ่ายต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือ การจัดสรรเงิน เพราะแน่นอนหากเลือกจะเป็นหนี้สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือวินัย หากคุณไม่มีวินัยทางการเงินรับรองว่าการเงินคุณมีปัญหาแน่ ๆ และอาจจะส่งผลไปถึงเครดิตการกู้ในอนาคตของคุณด้วย ซึ่งการจัดสรรเงินสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการ เก็บเงินให้ได้เท่าค่าผ่อนรถเป็นระยะเวลา 3 เดือนติดกัน โดยต้องมีเงินเก็บอีกก้อนแยกเอาไว้ต่างหากซึ่งเป็นเงินเก็บเผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย คุณจะได้รู้ว่าคุณเอาชนะใจตัวเองได้หรือเปล่า เพราะในที่นี้เราไม่ได้แนะนำการซื้อรถให้คุณอย่างเดียว แต่เรากำลังแนะนำให้คุณซื้อรถได้และมีเงินเหลือเก็บด้วย หากคุณทำตามเงื่อนไขนี้ได้คุณก็สามารถซื้อรถได้ มีเงินเหลือเก็บแถมยังมีเงินเอาไว้ไปเพิ่มเป็นเงินดาวน์รถบางส่วนด้วยนะ
- หากคุณคิดว่าการดาวน์น้อยผ่อนนานเป็นการประหยัดเงิน คุณคิดผิด!! เพราะยิ่งดาวน์น้อยเท่าไหร่ดอกเบี้ยก็ยิ่งแพงเท่านั้น และที่มากไปกว่านั้น ยิ่งผ่อนนานเท่าไหร่ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ยิ่งมากตามจำนวนงวดไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากการคำนวนดอกเบี้ยรถยนต์นั้นเป็นแบบอัตราคงที่หรือ Fix Rate นั่นเอง ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้คุณควรทำตามวิธีที่เราแนะนำในข้อ 5. ให้ได้สัก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อนำเงินก้อนนั้นมาเพิ่มเงินดาวน์ มีเงินดาวน์สูงมากขึ้นดอกเบี้ยก็จะน้อยลง ภาระการผ่อนต่อเดือนก็จะไม่สูงมากนัก ทำให้คุณมีเงินเหลือต่อไปเอาไว้เป็นเงินเก็บได้
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับข้อมูลที่เรานำมาฝากกัน ก่อนจากกันไปหากท่านไหนที่กำลังออกรถแล้วถ้าต้องการต่อประกันรถยนต์กับ MoneyGuru.co.th สามารถเช็คราคาประกันรถยนต์ได้ง่ายภายใน 1 นาที สะดวก รวดเร็ว ครบจบที่เดียว พร้อมรับใบเสนอราคาฟรี นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้ทางช่องทาง LINE @MoneyGuruThailand รับรองว่าคุณจะได้คำแนะนำราคาเบี้ยประกันที่ดีที่สุดจากเรา
การใช้รถใช้ถนนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา ดังนั้นนอกจากผู้ใช้รถทุกคนต้องไม่ประมาท และระมัดระวังในการขับขี่แล้ว การทำประกันภัยรถนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ท่านเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น ท่านที่สนใจซื้อประกันรถสามารถเปรียบเทียบราคากับเรา www.moneyguru.co.th
ไม่พลาดทุกเรื่องราวข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @MoneyGuruThailand
บทความแนะนำ